
จังหวัด เชียงใหม่ ได้มีการเพิ่มระดับการป้องกันและการควบคุมโรคโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ได้ออกกฎหนัก หากประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน มีโทษปรับ 2 หมื่นบาท ห้ามจัดงานเลี้ยง หรือ งานสังสรรค์ในทุกๆรูปแบบ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก
หรือเกิดการกลุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยกเว้นได้แต่การจัดกิจกรรมของทางหน่วยงานราชการ ซึ่งก็จะต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคให้เป็นไปอย่างเคร่งครัดเท่านั้น ส่วนกิจกรรมทางศาสนาก็สามารถให้จัดได้เท่าที่จำเป็น ยกเว้นงานศพให้ร่วมกิจกรรมได้ไม่เกิน 50 คน นอกจากนี้ยังปรับพื้นที่โรงพยาบาลสงฆ์ ให้กลายเป็นห้องแรงดันลบเพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่หนัก เพิ่มได้อีกจำนวน 24 เตียง
เชียงใหม่ สั่งคุมพื้นที่ ออกจากบ้านหากไม่ใส่หน้ากากอนามัย เจอปรับ 2 หมื่นบาท
จังหวัด เชียงใหม่ นอกจากจะประกาศห้ามจัดงานเลี้ยง และจัดงานศพได้แต่มีผู้ร่วมงานได้ไม่เกิน 50 คน แล้วนั้น ยังมีคำสั่งให้ประชาชนทุกคน

จะต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อจะเดินทางเข้าสู่ “พื้นที่ไม่ปลอดภัย” ซึ่งในที่นี้จะหมายถึง พื้นที่ ที่มีการรวมกลุ่มพบปะของผู้คน และพื้นที่สถานที่สาธารณะต่างๆ โดยที่คำสั่งดังกล่าวนี้ จะให้มีผลบังคับใช้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. – 9 พ.ค. 2564

และหากผู้ใดตั้งใจฝ่าฝืนจะให้มีโทษปรับตั้งแต่หกพันแต่ไม่เกินสองหมื่นบาท ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ทางด้าน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน กล่าวเพิ่มเติมว่า การวางมาตรการเช่นนี้ ก็เพื่อเราสามารถควบคุมเชื้อโควิด-19ได้ ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่เองได้ติดตามและประเมินสถานการณ์โดยต่อเนื่อง

ทางด้านความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยนั้น ล่าสุด คณะแพทยศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดการปรับหอผู้ป่วยโรงพยาบาลสงฆ์ ให้เป็นห้องแรงดันลบ สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่หนัก จำนวนทั้งหมด 24 เตียง ซึ่งห้องแรงดันลบนี้จะทำให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 และ slot999 คาสิโนออนไลน์ ที่มาแรง แซงทุกโค้ง ไม่ควรพลาด แจกเครดิตฟรี 2021 เล่นง่าย ฝากถอนไว เดิมพันไม่มีขั้นต่ำ
เว็บไซต์ ข่าวด่วน ข่าวดัง ข่าวร้อนมาแรง ที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์
More Stories
ใครชอบกินหมูกระทะต้องระวัง เครื่องใน-เนื้อสัตว์แช่ฟอร์มาลิน เตรียมส่งร้านอาหารบุฟเฟต์ในชลบุรี
กนอ.พร้อม 4 พันธมิตรร่วมกันเผาทำลายสารทำความเย็นให้หมดไป ในระบบฟลูอิดไดซ์เบด
ไทยยังคงเครดิต Fitch Rating ได้ดี BBB+ หลังจากติดตามสถานการณ์ประเทศไทยใกล้ชิด